ปิดโครงการ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2551

.

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การแก้ปัญหาเรื่องยอดตอบกลับ กับความในใจของผมครับ

สวัสดีครับ สมาชิก และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน (ยาวหน่อยนะครับ จับเวลาแล้วประมาณ 6-7 นาทีครับ)

จากช่วงที่ผ่านมา ผมวิเคราะห์สถานการณ์ถึงความร่วมมือกันของสมาชิกฯ ที่ยอดตอบรับในโครงการที่ 2 ไม่สามารถสำเร็จได้ภายใน 3 เดือนแรก ทำให้ต้องต่อเวลามาอีกเกือบ 2 เดือน ประกอบกับได้รับข้อมูลสำคัญจากสมาชิกหลายคน ถึงความรู้สึกสงสัย รู้สึกไม่สบายใจ ในหลายเรื่อง ซึ่งผมได้ค่อยๆ เคลียร์ปัญหาต่างๆ ไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งผมก็ทราบดีว่า อาจจะยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับความรู้สึก หรือทัศนคติกับสมาชิก

ผมอยากจะขออธิบาย อาจจะมีบางประโยคที่ผมกล่าวซ้ำ เกี่ยวกับความตั้งใจของผม ที่ผมอยากให้สมาชิกฯ ทุกท่านได้เข้าใจถึงความตั้งใจในการทำงานของผมว่า ผมชอบทำงานเต็มที่ทุกเรื่อง สมาชิกฯ หลายๆ ท่านนั้นได้ทำเต็มที่เช่นเดียวกับผม ตามข้อจำกัดของแต่ละท่าน โดยมีสุขภาพเป็นหลัก เพราะคนเราถ้าป่วย ยิ่งแย่ ดังนั้นต้องไม่ป่วย จึงจะสามารถทำงานได้

แต่ผมเชื่อว่า ยังมีอีกหลายท่านที่ จริงๆ แล้วสามารถที่จะร่วมกันทำงานได้เต็มที่มากกว่านี้ ติดอยู่แค่เรื่องของ "จิตใจ" จิตใจที่มีความกังวล จิตใจที่มีความสงสัย หรืออาจจะถึงขั้น ระแวง หรือ ไม่มั่นใจ กับบริษัทฯ ถ้าเป็นเรื่องตัวเลขรายได้นั้น จบไปแล้ว ผมประกาศแก้ไขให้ยอดกลับมาที่เดิมแล้ว แต่อาจจะมีบางเรื่อง เช่น ยอดตอบรับที่แจ้งมาในลูกค้าโทรกลับ หรือเช่น ในลูกค้าที่ไม่มีหมายเลขในระบบ ซึ่งก็จะกลายเป็น หมายเลขตอบรับในระบบ call center นั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก

ผมอยากให้สมาชิกฯ บางท่าน ได้เข้าใจว่า ในชีวิตคนเรา ควรมองภาพรวมของชีวิต อย่าไปมองในส่วนที่เล็ก ที่ละเอียดมากจนเกินไป จนอาจจะทำให้ชีวิตของท่านจมอยู่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จมอยู่กับปัญหา อยู่กับแง่ลบ ส่งผลทำให้คิดมาก

ผมจะลองยกตัวอย่างของสมาชิกบางท่านในโครงการที่ 1 มีสมาชิกท่านหนึ่งเป็นผู้ชาย เป็นคนที่มีทักษะในการพูดคุย เคยทำงานพนักงาน Call Center และงานขายทางโทรศัพท์มาก่อน ตอนเริ่มโครงการช่วงแรก มียอดที่น่าพอใจ แล้วเขาก็หยุดไปเลย มาทำเป็นบางวันน้อยมาก เช่น 2 วันต่อ 1 เดือน เป็นต้น ผมมาทราบสาเหตุทีหลังว่า เขาติดใจเรื่องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% คิดว่าบริษัทหักหัวคิว (ผมไม่แน่ใจนะครับ ก็ฟังเล่ามาอีกที) ซึ่ง ณ ขณะนั้นจนถึงจบโครงการ ข้อถกเถียง และพูดคุยกันในหมู่สมาชิกเกี่ยวกับหักภาษี 3% ยังเป็นประเด็นร้อนอยู่

จนทำให้ทางผมต้องถือโอกาสในครั้งนั้น นัดแนะชี้แจงเพื่อจะตอบคำถามนี้ โดยเชิญเจ้าหน้าที่บริหารของกรมสรรพากรโดยตรงมาตอบคำถาม และได้พัฒนาวันนัดชี้แจงนั้นให้กลายมาเป็น วันฝึกอบรมก่อนปิดโครงการ ซึ่งในวันนั้นก็เป็นวันที่บริษัทฯ นัดเคลียร์ตัวเลข ยอดเงิน การให้ความรู้เรื่องการออมและธนาคาร การให้ความรู้เรื่องเงินกองทุน ไปด้วยในตัว ก็สรุปได้ว่า ในความเป็นจริงผู้พิการไม่ได้รับการยกเว้นภาษี เพียงแต่ยอดไม่ถึงเกณฑ์ จึงไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ไว้เท่านั้นเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ผู้พิการท่านนั้นที่มีความสามารถ แต่ตีตนไปก่อน มีอคติไปก่อน คิดมากไปเองไปก่อน จนในที่สุดก็ไม่ได้ทำงาน ขาดรายได้ ยังคงประสบปัญหาเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน อย่างนี้ผมคิดว่า คิดมากเกินไป ละเอียดเกินไป จนไม่มองภาพรวมของชีวิต

ผมขอยกตัวอย่างที่ส่วนตัวแล้วสมัยเรียนตั้งแต่เล็กๆ จนจบมหาวิทยาลัย ผมจะต้องพบกับความรู้สึกในลักษณะนี้ทุกเทอม หรือภาคการศึกษา ที่บางมด (พระจอมเกล้าธนบุรี) การสอบถือว่าค่อนข้างโหด ส่วนใหญ่เป็นข้อสอบข้อเขียน กากบาทมีไม่มาก ดังนั้นมั่วไม่ได้ แต่ที่สำคัญคือตารางสอบนั้น ต้องสอบทุกวิชาให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จึงส่งผลให้ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยทุกคนต้องสอบติดกันทุกวัน ไม่เว้นวัน และต้องสอบเช้าต่อบ่ายทันทีในของแต่ละวัน สมัยผมเรียน ผมไม่เคยเลื่อนหรือสลับวิชาเรียน ผมจะเรียนตรงตามหลักสูตร และเรียนมากกว่าหลักูตรอีก 24 หน่วยกิจ คือ เรียนเพิ่มขึ้นอีก 10 รายวิชา (ผมเรียนจบมากกว่าหลักสูตรบังคับ) จึงทำให้ตารางสอบแน่นมากๆ

เมื่อสอบวิชาเช้าแล้ว ต้องไม่เสียใจ หดหู่กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในผลการสอบช่วงเช้า ต้องทิ้งไปเลย ทำการสอบช่วงบ่ายให้ดีที่สุด คือทานข้าวให้เร็ว ทบทวนบทสรุปที่บันทึกไว้ ตั้งใจให้มากที่สุดกับการสอบในช่วงบ่าย และเมื่อสอบเสร็จ ต้องรีบกลับบ้าน หรือที่พัก เพื่อเตรียมตัวในการสอบวันรุ่งขึ้นต่อไป ผมคิดว่า เรื่องนี้ก็สามรถนำมาเป็นตัวอย่างหนึ่งได้ ในเรื่องของการไม่คิดมาก ไม่คิดเล็ก คิดน้อย มองข้างหน้าทำให้ดีที่สุด ถ้าผมคิดอยู่แต่ว่า วิชาที่ผ่านมาไม่น่าทำผิดเลย อีกนิดเดียวก็ได้เกรด C (เกรด 2 ซึ่งถือว่าปานกลาง) แล้ว เลยได้ D (เกรด 1 ซึ่งถือว่าแย่) เลย หมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมา

ถ้าบางท่านคิดว่าบริษัทฯ โกง สมมุติว่า 2 หมายเลข เป็นเงิน 60 บาท แต่ตัดสินใจว่า บริษัทฯ นี้โกง ไม่ทำดีกว่า ทั้งๆ ที่ ถ้าทำอาจมีรายได้เมื่อจบโครงการสัก 5 หมื่นบาท แต่พอตัดสินใจว่าไม่ทำ หรือไม่ตั้งใจทำ จึงมีรายได้แค 9 พันบาท เป็นต้น ในความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ผมถือว่าคิดมาก ที่สำคัญมากๆ ตอนนี้ผมได้กลับมารับผิดชอบแล้ว ควรโทรมาคุยกับผมได้ ผมกล้าพูดกับทุกคนได้ว่า ผมให้ความสำคัญกับสมาชิกทุกท่าน เพียงแต่ส่วนใหญ่ผมอาจจะไม่ค่อยว่าง (ขณะที่พิมพ์ให้ทุกคนได้อ่านนี้ก็ ตี 5 อีก 10 นาทีแล้ว) กลางวันทำงาน ประสานงานของ 3-4 บริษัทที่ตัวเองรับผิดชอบ หนักไปทางโทรศัพท์เสียมาก ประชุมกันในสำนักงาน และทางโทรศัพท์ เป็นเรื่องรองลงมา และก็ต้องออกไปธุระข้างนอกบ่อย จึงต้องมานั่งทำงานตอนกลางคืนถึงเช้า

ผมจึงอยากให้สมาชิกหลายท่าน ที่อาจจะยังไม่เข้าใจผม ได้เข้าใจผมว่า ผมให้ความสำคัญกับทุกท่าน การแก้ปัญหาคือ การส่งอีเมล์มาดีที่สุด แต่ถ้าด่วนรองลงมาก็เอ็ม (MSN) มาได้ ถ้าผมออนไลน์อยู่ แต่ถ้าผมไม่ว่างผมจะตอบให้รอก่อน หรือนัดว่าอีกกี่นาที กี่ชั่วโมง ถ้าด่วนที่สุดก็โทรมาได้เลย แต่ถ้าไม่รับอย่าโกรธผม หรือเข้าใจผมผิด แสดงว่าผมมีธุระจริงๆ สามารถโทรมาซ้ำได้เลย แต่ให้เว้นช่วงหน่อย เพราะเคยมีปัญหาถกเถียงกันมาแล้ว เรื่องติดต่อผมไม่ได้ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า สิ่งที่ผมตั้งใจทำให้ทุกคนนั้น ไม่ช้าก็เร็ว จะสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวมันเองได้ สำหรับคนที่เข้าใจผมแล้ว ผมขอขอบคุณ สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจผม หรือไม่เชื่อมั่นผม หรือบริษัทฯ ก็ร่วมงานกันไปก่อน ในอนาคตก็คงเข้าใจไปเอง หรือถ้ารับไม่ได้เลย กับการที่ผมมาหางานให้ แล้วมองว่ามันแย่มากๆ เอาเปรียบ ก็ไม่ควรทำ ศึกษาดูงานห่างๆ กับเพื่อนๆ คนอื่นไปก่อน ให้เห็นถ่องแท้ก่อนว่า เพื่อนๆ มีรายได้จริง ไม่ได้ถูกโกง แล้วค่อยมาร่วมงานในโอกาสต่อๆ ไป อย่างตั้งใจ ผมก็ไม่ว่าอะไร ครับ

ที่ต้องเขียนยาวขนาดนี้ เพราะว่า ผมได้รับข้อมูลจากสมาชิกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าตัวเองเลย ถึงความไม่สบายใจกับยอดลูกค้าโทรกลับ (ถ้าจำไม่ผิด) จำนวน 1 หมายเลข ที่ยอดไม่ขึ้นไปรวม ไม่รู้ว่าผมตีความผิดไปเองรึเปล่า คือ ผลแห่งความไม่สบายใจนั้น ทำให้สมาชิกท่านนั้นทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ค่อนข้างไปในทางไม่ทำ ด้วยความจริงใจเลยนะครับ ผมเองก็ไม่สบายใจ ก็คิดๆ อยู่ครับว่า จะต้องทำอย่างไรดี จริงๆ แล้วก็เพียงแค่ 1 หมายเลขตอบรับเอง ผมแค่บอกว่าเดี๋ยวจดทดไว้ ตอนจบโครงการค่อยบวกเพิ่มให้ก็ได้ แต่ผมคิดว่าทำแค่นี้ ไม่พอ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนทัศนคติของสมาชิกฯ ท่านนี้ได้ ให้มองโลกกว้างขึ้น หรือมองภาพรวมของชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำเกินไปหรือเปล่า

คือผมกำลังคิดว่า เอ๋........ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วสมาชิกน ท่านอื่นละ อาจจะคิดก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอามันซะทีเดียวเลย เมื่อคิดได้ ทีนี้ก็เลยกายเป็นว่า

มีการรับฐานข้อูลใหม่ จึงทำให้ข้อมูลที่อาจจะผิดพลาดมันโชว์ขึ้นมาแสดงให้ผมได้ เป็นคนกด submit เองเพื่อจะส่งรายการหมายเลขตอบรับที่ยังหลงเหลืออยู่ หรืออาจผิดพลาดขึ้นมาได้ทั้งหมด 113 หมายเลขตอบรับ

ดังนั้น ผลแห่งการตัดสินใจของผมครั้งนี้ทำให้ ยอดที่อาจจะมีปัญหาของทั้ง 14 สมาชิกฯ ถูกดึงจากอดีตตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงวันที่ 10/12/08 ออกมาได้ 113 หมายเลข ทำให้ยอดเดิมในอดีตอาจลดลง

และเมื่อผมกด submit ยอดก็จะไปเพิ่มที่สมาชิกท่านนั้นๆ ในวันที่ 12/12/08 ดังนี้

  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณกนกพร อำนวย
  • จำนวน 4 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณจันทร์หอม แสงไชย
  • จำนวน 2 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณฉัตรกมล กณาพันธุ์
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณใช่ฮั้ว แซ่เง้ง
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณทรงวิทย์ เลิศวไลวงศ์
  • จำนวน 40 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณธรรมรินทร์ หิรัญวาทิต
  • จำนวน 25 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณธีรพงศ์ วงศ์ชัย
  • จำนวน 6 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณนภดล จารุประภัสสร
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณประยูรกิจ ปัญญากมลกิจ
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณพรชัย ปัญญากมลกิจ
  • จำนวน 12 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณมานพ เงินชูศรี
  • จำนวน 2 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณวิศณุ ขวัญนำโชค
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณสุเพ็ญรัตน์ สีสะอาด
  • จำนวน 1 หมายเลขตอบรับ สำหรับ คุณชนิสรา พรสวรรค์คิรี
  • รวมทั้งสิ้น 113 หมายเลขตอบรับ

การกระทำในครั้งนี้ จะกระทบกับยอดเดิม แต่จะไม่กระทบกับยอดรวม ผมอยากให้ทุกท่าน มองที่ยอดรวม อย่าไปมองว่า เอ๊ะ ทำอย่างนี้ ยอดที่ฉันได้ 15 ในวันที่ 4/9/08 หายไป 1 เหลือ 14 เพราะว่ามันได้มาปรากฏ ณ วันที่ 12/12/08 ยอดรวมก็ยังคงเท่าเดิม

และการกระทำในครั้งนี้ อาจทำให้ยอดของสมาชิกบางท่านเพิ่มขึ้น แต่ถ้าท่านใดบอกว่ายอดลดลง ก็สามารถแจ้งงผม พร้อมหลักฐานทางอีเมล์ ผมมีวิธีแก้ปัญหาอีกขั้นตอนให้อยู่แล้ว

ผมขอโทษสมาชิกฯ ทุกท่านนะครับ ที่พิมพ์กันให้อ่านซะยาวขนาดนี้ บางทีผมก็เครียดเหมือนกัน เพราะผมก็อยากให้ทุกท่านพึงพอใจในการร่วมงานกับบริษัทฯ มากที่สุด ผมอยากให้ทุกท่านทราบถึงความสำคัญของทุกท่านได้เลยว่า ผมและบริษัทหางานมาได้ ถ้าไม่มีสมาชิกร่วมงาน ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกเราต้องอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ทุกคนมีความสำคัญเหมือนกันหมดครับ ผมคิดว่าอะไรที่มองข้ามได้ก็ควรมองข้ามนะครับ ถ้าข้ามไม่ได้ ก็ติดต่อผมได้เลย อีเมล์หรือโทรก็ได้ครับ อย่าลืมนะครับ กับสมาชิกบางท่าน ผมอยากให้มองภาพรวมของชีวิต แล้วอะไรๆ ก็จะดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ส่วนคำแนะนำผมรับฟังทุกท่าน สามารถส่งมาได้เลย

ขอบคุณมากๆ ครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น