ปิดโครงการ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2551

.

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข่าวสารประชาสัมพันธ์สมาชิกผู้พิการ (Newsletter-12) : สัมภาษณ์คุณธีรพงศ์ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้านการทำงานให้เหมาะสมกับสุขภาพ

สวัสดีครับ สมาชิกฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน

ในบรรดาสมาชิกฯ ที่ได้เข้าร่วมโครงการกับทางบริษัทฯ ผมอยากจะแนะนำถึง คุณตุ่ม ธีรพงศ์ วงศ์ชัย ให้กับทุกท่านได้รู้จัก คุณตุ่ม ถือว่าเป็นผู้พิการภายหลัง จากอุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรมขณะปฏิบัติงาน ซึ่งลักษณะของอาการ ที่ส่งผลต่อความพิการนั้น ก็จะสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยครับ คุณตุ่มก็ประสบปัญหานั้นเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น เราลองมาดูว่าคุณตุ่มจะแก้ปัญหาอย่างไร


สวัสดีครับ เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน ผมชื่อธีรพงศ์ วงค์ชัย สมาชิกจากโครงการที่ 1 นะครับ

ต้องย้อนความนิดนึงนะครับ ตอนเกิดอุบัติเหตุจาการทำงาน เมื่อปี2546 ผมก็กลายเป็นคนพิการ(ทางการแพทย์ ว่าไว้อย่างนั้น) ซึ่งความรุนแรงอาจจะดูน้อยกว่าท่านอื่น จากแรงกระแทกทำให้หมอนรองกระดูกคอได้เข้าไปกดไขสันหลัง(โชคชั้นที่1) ทำให้ระบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตั้งแต่ใต้รอยโรคลงไปทุกอย่างทั้งระบบการทรงตัว ระบบการหายใจ ระบบขับถ่าย อ่อนแรงไปหมดขาขวาไม่มีแรงยก เวลาเดินต้องใช้วิธียกสะโพกขึ้นแล้วแกว่งขาขวาออกไป จึงทำให้ผมเดินได้เหมือน เพนกวิน มาก มือขวาไม่มีแรงกำเท่าไร

คราวนี้ผมกลับจาก รพ.มาพักฟื้นอยู่ที่บ้านก็ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวมากนักเพราะตอนนั้นต้องใส่สายสวนปัสสาวะอยู่ด้วย จากที่เคยเคลื่อนไหวได้ปกติ ต้องกลับมาเป็นคนที่เคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม 90% แล้วคราวนี้ผมนั่งอยู่กับที่ นานๆ ดูทีวี และใช้คอมฯ วันละหลายๆชั่วโมง ที่นั่งก็เป็นโซฟาแบบอ่อนนุ่ม ทำให้เกิดสุขลักษณะในการนั่งที่ไม่ดี ประกอบกับกล้ามเนื้อเราอ่อนแรงตั้งแต่ระดับคอลงมา ทำให้ไม่มีแรงไปพยุงกระดูกสันหลังส่วนเอวไว้ ก็เกิดแรงกดที่หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอวไปกดเส้นประสาท(โชคชั้นที่2) ที่ส่งสัญญาณไปเลี้ยงที่ขา ทำให้จากไม่ค่อยจะมีแรงอยู่แล้ว ก็เกิด อาการ ปวด+ไม่มีแรงร่วมด้วยซะเลย กระบวนการปวดเอวลงไปถึงขานี่ใช้เวลาแค่ 2 ปีเองครับ และถ้าทิ้งไว้เรื้อรังนานๆ แน่นอนครับ อาจจะเดินไม่ได้ในอนาคต ตอนนี้ก็พยายามหา ลดการปวดโดยไม่นั่งนานๆ

-โชคชั้นที่1 ที่คอนะครับ อันนั้นกดไขสันหลัง (2546)
-โชคชั้นที่2 ปวดที่เอวลงไปถึงขา อันนี้ กดเส้นประสาท (2548)

พอทีนี้ มาทำเทเลเซล ของฮัทช์ โครงการที่ 1 ต้องนั่งทำงาน ช่วงแรกๆนั่งหลายๆ ชม. ติดต่อกัน ก็ทำให้ปวดเอวลงไปถึงขาเพิ่มขึ้นมาก เท้าก็บวมมาก พอปวดเราก็พักไปนอนยกขาสูงๆให้เลือดไหลกลับบ้างก็ลดอาการบวมของขาลงได้บ้าง เดี๋ยวหายปวดลุกมาทำใหม่ ก็แก้ปัญหาแบบนี้ จนจบโครงการ ซึ่งโครงการแรกนับว่ากดดันอย่างมาก เพราะเราไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน พอจบโครงการได้เหมือนยกภูเขาออกจากอก(ได้ทั้งรายได้ที่มาก และของรางวัลที่ดีมาก) ทีนี้ พอว่างไปซัก 1 สัปดาห์ ก็เกิดอาการเหงาแล้วจากที่เคยได้โทรหาลูกค้าทุกวัน กลับกลายว่าหงุดหงิดที่ไม่ได้ทำงาน

ทีนี้ มาถึงโครงการที่ 2 จากปัญหาปวดเอวลงไปถึงขาและขาบวม เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เลยคิดว่าต้องนอนทำงานสลับกับนั่งทำงานบ้าง แล้วทีนี้จะทำอย่างไร เมื่อเรามีคอม ตั้งโต๊ะแค่เครื่องเดียว หนำซ้ำยังต้องแย่ง กับพี่สาว ที่เค้าต้องทำงานในบางเวลาและหลานๆที่จ้องจะเล่นเกมอีก พอได้ของรางวัลคือโน๊ตบุ๊ค ก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี จะเอาโน๊ตบุ๊คไปที่เตียงแล้วก็เอนหลังทำงาน ก็คงต้องปวดเอวอยู่เหมือนเดิม เพราะน้ำหนักตัวยังกดมาที่เอวเหมือนเดิม ยังแก้ปัญหาไม่ได้ และแล้วก็มีทางออกครับ ผมขายโน๊ตบุ๊ค ให้กับคนที่เหมาะสมจะนำไปใช้งานครับ เพราะ 1.ผมไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน 2.มือไม้ผมไม่ค่อยมีแรง (นน.เกือบ2กิโลครึ่ง) เกิดโน๊ตบุ๊คตกพื้น จอแตกนี่ ชั่งกิโลขายได้เลยครับ

ภาพแบบที่คุณตุ่มออกแบบไว้ครับ


ผมก็นำเงินที่ได้จากการขายโน๊ตบุ๊ค ไปซื้อคอมแบบ ตั้งโต๊ะ+จอLCDครับ แก้ปัญหาผมได้ตรงจุดที่สุด ผมทำขาตั้งรับและนำจอLCD ไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวเตียง คว่ำหน้าจอลงมา คราวนี้ผมนอนหงายราบกับพื้น ก็ทำงานได้แล้วครับ ลดอาการปวดเอว ขาบวมได้ถูกจุดที่สุดเลยครับ ใครที่มีปัญหาเหมือนผมนำ ไปใช้ได้นะครับไม่สงวนลิขสิทธิ์(ไม่ใช่อุปกรณ์ ของนาซ่า) ผมลงทุนค่าขาตั้งจอLCD 600 บาทครับ+มอไซค์วินให้ไปซื้อของ100บาท= 700 บาท เองครับ มานั่งติดตั้งขันน็อตเอง สำเร็จ พอทีนี้ นอนทำซัก 2 ชม. เริ่มมึนหัว ก็ลุกมานั่งทำ พอปวดหลังก็ไปนอนทำครับ แฮ้ปปี้ ..

นี่ครับภาพของจริง ที่คุณตุ่มทำขึ้นมาเพื่อใช้งาน และแก้ปัญหาปวดหลัง

ต่อไป.. อันนี้ฝากถึงสมาชิก ใหม่และสมาชิกทางบ้านทุกท่านนะครับ (ทางออฟฟิสไม่ฝากแล้วถือว่าเป็นซีเนียร์ทุกท่าน)

โครงการที่ 2 นี้ไม่ง่ายและก็ไม่ยากจนเกินไปนะครับ ให้ทุกท่าน แบ่งเวลาให้ดีนะครับ ให้ลองติดต่อจนถึงที่สุดก่อน แล้วค่อยกด NO นะครับ เรื่องอารมณ์ ของลูกค้านะครับต้องรับให้ได้และเราต้องใจเย็นกว่าน้ำแข็งนะครับ ในหนึ่งวันเราโทรเป็นร้อย เพราะฉะนั้น เราก็พบร้อยอารมณ์เหมือนกัน อย่าพยายามทำให้ลูกค้าอารมณ์เสียเพราะเรานะครับ ที่เราโทรไปนี่ก็ถือว่าเป็นการรบกวนเวลาของลูกค้านะครับ ใช้คำพูดที่ โบราณว่าไว้นะครับ “วาจาดี วจีไพเราะ” พูดช้าๆได้ใจความ และให้ข้อมูลเท่าที่ลูกค้าต้องการให้มากที่สุดที่เราพอจะตอบได้นะครับ (ทำการบ้านเยอะๆครับ)


ถ้าเกิดเหตุการณ์ ที่ลูกค้าไม่พอใจในการบริการหรืออื่นๆ คำว่า “ขออภัยด้วย นะค่ะ/ครับ” “ขอโทษด้วย นะค่ะ/ครับ” พูดให้มากๆนะครับ คำๆนี้ไม่ต้องหาซื้อครับ พูดจากใจได้เลย เพราะบางครั้งเราโทรไปขณะที่ลูกค้ามีธุระสำคัญมากๆอยู่นี่ ต้องระวังนะครับ อย่าพยายาม ตัดสายทิ้งโดยที่ยัง ไม่ได้พูด “ขออภัยด้วย นะค่ะ/ครับ” “ขอโทษด้วย นะค่ะ/ครับ” นอกจากลูกค้าไม่อยากฟังเราพูดต่อ แล้วลูกค้าตัดสายทิ้งเอง อันนี้ก็เป็นสิทธิ ของลูกค้านะครับ


สุดท้าย ก็ขออวยพร ให้สมาชิกทุกท่าน ประสบผลสำเร็จทุกท่านนะครับ

ธีรพงศ์ วงค์ชัย (ตุ่ม)
08/08/08 วันเปิด โอลิมปิค2008

.

ผมเคยเข้าอบรมเกี่ยวกับ "เป้าหมาย"ของการทำงาน ซึ่งหลายๆ คนก็มักจะมีความคิดว่า การที่มนุษย์เราจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีทั้งเป้าหมาย และวิธีการ ควบคู่กัน แต่หลังจากจบการอบรม ก็พบว่า เพียงแต่ถ้าเรามี "เป้าหมาย" วิธีการก็จะตามมาเอง เหมือนเป็นของแถม เพราะมนุษย์เราสามารถคิดวิธีการได้มากมายหลายวิธี ในการที่จะทำงานนั้นให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นขอให้มี "เป้าหมาย" ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราก็จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ เช่น คุณตุ่ม ธีรพงศ์ (แต่ต้องสัมพันธ์กับสุขภาพด้วยนะครับ) เป็นต้นครับ

ขอบคุณครับ
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
.
Managing Director
mobile : 086-322-9307
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-582-1759

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น