ปิดโครงการ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2551

.

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

บทความจากความรู้สึกจากใจถึงสมาชิกผู้พิการ : ยิ่งกว่า "ความพยายาม"

สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน

วันนี้ที่ผมเขียนบทความ เป็นความรู้สึกของผม ในเช้าช่วงเวลา 6.00-8.30 น. ที่ได้รับฟัง "น้องเก๋" ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก ถูกสัมภาษณ์ผ่านทางรายการ "จมูกมด" ของช่อง 7 และรายการข่าว "เรื่องเล่าเช้านี้" ของช่อง 3 ทำให้ผมพอจะมีแนวทางในการเขียนบทความเพื่อจะกรตุ้นความรู้สึกของสมาชิกฯ ที่เข้าร่วมโครงการที่ 2 นี้ได้ขึ้นมา จึงรีบพิมพ์บทความนี้ทันทีที่พร้อมทำงาน

คงต้องเริ่มจาก โครงการนี้มีสมาชิกฯ เก่าร่วมโครงการที่ 2 ประมาณ 18 คน และมีสมาชิกฯ ใหม่ประมาณ 19-20 คน รวมๆ แล้วประมาณ 37-38 คน แต่เท่าที่ผมดูจากโปรแกรมบริหารที่สามารถมองได้ทุกบัญชีของสมาชิกฯ ทุกคน ผมเริ่มไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ที่เห็นสมาชิกฯ หลายคนไม่ได้เข้าระบบทำงาน

ผมคิดไปหลายอย่าง เช่น งานคราวนี้ยากเกินไปหรือเปล่า ทำไมงานคราวนี้สมาชิกฯ บางคนเคยทำได้มากแต่กลับน้อยจนน่าแปลกใจ หรือเป็นเพราะว่าสมาชิกฯ บางคนจากโครงการแรกได้เงินมากแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มเทอะไร ทำไปเรื่อยๆ ก็มีรายได้ ไม่ต้องทุ่มเทเหมือนเมื่อก่อน ส่วนสมาชิกฯ ใหม่ที่ได้รับโอกาสบางคนก็แทบไม่ได้เข้าระบบทำงานเลย ทั้งๆ ที่ได้รับโอกาส มีบางท่านเท่านั้นที่ถึงจะเป็นสมาชิกฯ ใหม่ที่ได้แสดงความสามารถเพิ่มขึ้นๆ จนพอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกถึงความตั้งใจของสมาชิกฯ ใหม่คล้ายสมาชิกส่วนใหญ่ในโครงการแรก ส่วนสมาชิกฯ บางคนก็ยังคงตั้งใจ ทุ่มเท เหมือนเดิน แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้น

ผมจึงเริ่มคิดว่าจะสื่อสารอย่างไรดี กับสมาชิกฯ ทุกท่านในโครงการที่ 2 นี้ จนผมได้ฟังถึงความพยายามของน้องเก๋ ที่ต้องฝึกฝนเป็นแรมปีตลอดถึง 8 ปี โดยมีช่วงที่หนีไปประมาณ 6 เดือนจากค่ายฝึก เพราะผิดหวังจากการติดทีมชาติไปโอลิมปิกเอเธนส์ ในความรู้สึกของผมคือ ความพยายามของน้องเก๋นั้น "มากกว่าความพยายาม" ก็ทำให้นึกถึงความพยามของตัวเองขึ้นมา จึงอยากจะลองเล่าถึงงานที่ผมเคยทำ ผมอยากให้เพื่อนสมาชิกลองดูว่า งานที่ผมเคยทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และอยากให้ลองนึกดูว่า มันน่าจะยากไหม แล้วผมน่าจะต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่ ครับ


นี่เป็นภาพทีมงาน ที่เคยถ่ายภาพไว้เพราะต้องทำเอกสารส่งให้ลูกค้า


ที่เห็นเป็นทีมงานช่างเกือบ 30 คน ถ้ารวมที่สำนักงาน รวม 40 คนน่าจะได้ครับ


เป็นภาพสถานที่ ที่ทีมงานผมต้องเข้าไปติดตั้งซึ่งเป็นอาคาร-สำนักงานในกรุงเทพฯ

งานที่ผมทำก็มีมากมายส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งการติดตั้งสถานีรับ-ส่งสัญญาณมือถือภายในอาคาร ภายนอกอาคาร การติดตั้งหอกระจายข่าวให้ อบต. อบจ. การติดตั้งระบบโทรศัพท์ ระบบเครือข่ายในชุมสาย การติดตั้งระบบต้นแบบ 3G และอื่นๆ


ภาพตัวอย่าง ตัวกระจายสัญญาณของระบบมือถือ ภายในอาคาร


ภาพตัวอย่างอุปกรณ์กระจายสัญญาณ ของระบบสัญญาณมือถือ ภายในอาคาร

งานที่ผมภาคภูมิใจ ที่ถือว่า ณ ตอนนั้นที่ผมทำงาน บริษัทฯ ผมได้สร้างผลงานไว้พอสมควร เช่น

  • การติดตั้งงานต่างๆ ที่เป็นงานโครงการ งานอาคาร มากกว่า 150 อาคาร หรือสถานที่ จากการที่เคยร่วมงานกับบริษัท NDC จากออสเตรเลีย ภายใน 8 เดือนสามารถขึ้นมาเป็น 1 ใน 4 บริษัทฯ อันดับแรกที่จะได้รับพิจารณางาน จากทั้งหมด 68 บริษัทผู้รับเหมา และยังเป็นบริษัทรับเหมารายเดียวที่เป็นตัวแทน ในการถูกตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการทำงานจากประเทศอังกฤษ
  • งานตติดตั้งระบบสื่อสารของทุกระบบมือถือ หรือเป็นระบบรวม 6 สถานี จาก 18 สถานี ของรถไฟฟ้าใต้ดิน และยังติดตั้งอุปกรณ์จับยึดสายสัญญาณภายในอุโมงค์ ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการสามารถโทรศัพท์มือถือได้ ขณะรถไฟฟ้ายังเคลื่อนที่อยู่ เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร จาก 80 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่สุดที่เข้าทำงาน
  • เป็นบริษัทที่เข้าสำรวจวางแผน งานระบบสื่อสารภายในองค์กร ของสนามบินสุวรรณภูมิ และทำราคางานการติดตั้งให้กับบริษัทฯ ที่ได้สัมปทาน
  • งานติดตั้งสถานีรับ-ส่งสัญญาณมือถือ ระบบ 3G ต้นแบบให้กับ CAT Telecom (การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ผ่านการสนับสนุนบริษัทฯ สื่อสารจากประเทศจีน
  • เป็นต้น

ผลงานอ้างองสามารถดูได้จากเว็บบล็อกประชาสัมพันธ์งานของผม ตามลิ้งค์ข้างล่างครับ
Reference Site (http://insertech.blogspot.com/2007/07/reference-site.html )

บริษัทฯ ลูกค้าของผมที่ร่วมงานด้วย เป็นบริษัทที่มาจากต่างประเทศ 4 บริษัท
1. NDC Global Services (Thailand) Limited. (NDC - Australia)
2.
Consistel (Thailand) Company Limited. (Consistel - Singapore)
3. Paragon Executive Search (Thailand) Limited. (Paragon - Thailand)
4.
ZTE (Thailand) Company Limited. (ZTE - China)
5. Absolute Communication Network Company Limited. (ACN - Thailand)
6. General Transmission Network Company Limited. (GTN - Thailand)
7.
Telmosis Network Company Limited. (Telmosis - Thailand)
8. Welltek Systems Engineering (Thailand) Co., Ltd. (Welltek - Taiwan)
9. Elite Plus Company Limited. (Elite Plus - Thailand)
10.
ErlNet Company Limited. (Erlnet - Thailand)
11. Boonchum Company Limited. (บุญชุม - Thailand)
12.
Property Perfect Public Company Limited. (Thailand)
13. CAT Telecom Public Company Limited. (CAT - Thailand)

เฉพาะเรื่องราวของงานสื่อสาร อย่างเดียวที่ผมทำ นั้นมีเบื้องหลังมากมายถึงความสำเร็จดังตัวอย่างที่ผมได้พิมพ์ให้เพื่อนๆ ได้อ่าน มันไม่ง่ายเลยที่ตลอด 4 ปีจะมีผลงานได้ขนาดนี้ จริงอยู่ที่ผมไม่ได้เป็นคนลงมือทำเอง เพราะงานมากมายขนาดนี้ ผมต้องมีทุกคนช่วยอยู่แล้ว แต่ทำไมงานจึงประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับในเรื่องของมาตรฐานของงาน ยังมีสิ่งภาคภูมิใจอีกมากมายที่ผมไม่ได้กล่าว ผมต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในระดับการตัดสินใจทุกวัน

.
ใน 1 วัน ผมต้องรับฟังรายงานความคืบหน้างาน จากวิศวกร 3-4 งาน เฉพาะงานสื่อสาร ไม่นับงานอื่น ผมต้องอ่านเอกสาร และดูภาพถ่าย ถึงความคืบหน้า และปัญหา ทุกวันถึงตี 3 หรือบางวันอาจต้องอยู่ถึงเช้า พอ 9 โมงเช้า ผมต้องโทรคุยกับลูกค้าจนถึงเที่ยงทุกวันประมาณ 6-8 คนเฉพาะบริษัท NDC (จากออสเตรเลีย) จนลูกค้าชมว่า ผมทำได้ยังไง สามารถคุยงานกับแต่ละคนเหมือนไปดูงานเอง เพราะลูกค้าทราบว่าผมเป็นผู้ทุพพลภาพ คงไปตรวจสถานที่เองไม่ได้ รวมทั้งผมยังช่วยลูกค้าประหยัดทรัพยากรได้โครงการละหลายล้านบาท จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกโครงการ

.

ผมยังสามารถสรุปส่งรายงานต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น การถอดแบบโครงการแล้วต้องรีบทำใบเบิก ผมสามารถทำส่งได้ภายใน 1 ชั่วโมงที่รับแบบ ในขณะที่บริษัทอื่นต้องใช้เวลา 3 วัน หรือเอกสารอีกตัวที่ผมสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับฝ่ายคลังสินค้าได้ โดยที่ไม่มีบริษัทอื่นทำได้ คือสามารถปิดเอกสารจบโครงการด้านสต๊อกอุปกรณ์ติดตั้งภายใน 3-7 วัน หลังจบโครงการ ในขณะที่บริษัทอื่นต้องใช้เวลา 15-30 วัน

.

เพือนๆ คิดว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดในสภาพผู้ทุพพลภาพ ต้องใช้ความตั้งใจ และความพยายามสักเท่าไหร่ งานด้านการสื่อสารที่กล่าวมานี้ ที่ผมทำได้มากมายขนาดนี้ ที่ผมคิดว่า แม้แต่คนปกติบางคนยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งดูได้จากผลงานที่ดีกว่าบริษัทอื่นๆ เกิดขึ้นจากการได้รับโอกาสจากชาวต่างประเทศ 1 ท่าน และคนไทย 2 ท่าน ที่เชื่อมั่นว่าผมทำได้ ผมยินดีกับโอกาสที่ดีนี้ และทำมันเต็มที่ จนทั้ง 3 ท่านไม่ผิดหวัง ภาคภูมิใจกับผลงานของผม และภาคภูมิที่ได้ดึงบริษัทของผมเข้ามาทำงาน นอกจากจะไม่ทำให้เสียชื่อของผู้ให้โอกาสแล้ว ยังมีบริษัทที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยงานบริษัทอีก

.

ถ้าวันนั้น ถึงผมจะได้รับโอกาส แต่ผมไม่ได้ทำงานที่ต้องทำ "ยิ่งกว่าความพยายาม" ผลงานที่ทำก็อาจจะแค่บริษัทปกติ สุดท้ายผมก็ต้องเป็นแค่ "ผู้ทุพพลภาพ" คนหนึ่งเท่านั้น ที่ให้โอกาสแล้ว ก็ทำได้แค่นั้น ในที่สุดผมก็คงไม่พ้นวงจรเดิมๆ ด้านอาชีพของผู้พิการทั่วไป หรืออย่างดี ทางบ้านของผมก็คงให้อยู่บ้านเฉยๆ กับประโยคเดิมๆด้วยความรัก และเป็นห่วงเป็นใยว่า "แม่เลี้ยงได้นะลูก ลูกไม่ต้องทำอะไรหรอก"

.

มาถึงตรงนี้แล้ว ผมต้องขอโทษทุกคนนะครับ ที่เขียนเสียยาวเหยียด เหมือนกับจะมาบอกว่าผมดีอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนตัวแล้วผมได้รับคำชมมามากมาย จนเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะว่า "ผมเป็นผู้ทุพพลภาพ" ผมไม่ได้ภาคภูมิใจกับความทุพพลภาพ แต่คนเราบางครั้งก็เลือกไม่ได้ ผมเป็นผู้ทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ ผมอยู่กับความทุพพลภาพอย่างลงตัว และผมยังมีความคิดอีกว่า ความทุพพลภาพที่ได้รับมานี้ ถือว่าเป็น "ทางลัดสู่ความสำเร็จ" เพราะไม่ว่าผมจะทำอะไร ก็มักจะได้รับคำชมเสมอว่า เก่งมาก ทั้งๆ ที่เป็นผู้ทุพพลภาพ ซึ่งสำหรับผมแล้วเป็นเรื่องปกติ คือ พยายามเป็นปกติ พยายามมากกว่าปกติ เป็นปกติ หรือ ยิ่งกว่าพยายาม เป็นปกติ

.

มาถึงสิ่งที่ผมอยากจะบอกกับสมาชิกฯ ที่ได้ร่วมโครงการว่า ถึงผมไม่ได้ทำ บริษัท พีดับบลิวดี เอาท์ซอส เมเนจเมนท์ จำกัด ผมก็มีงานอื่นที่ทำเพื่อหารายได้ ได้อย่างแน่นอน กว่าจะมาเป็น "โครงการหางานเพื่อเพื่อนผู้พิการ" ได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เสกขึ้นมาได้เพียงชั่วข้ามคืน โครงการนี้มีที่มาที่ไป จากความตั้งใจ จากหลายฝ่าย จากผู้สนับสนุน จากความทุ่มเท เรากำลังร่วมกันปฏิวัติด้านการทำงานของผู้พิการ

.

ถึงโครงการแรกจะสำเร็จ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ พวกเราพึ่งก้าวถึงบันไดขั้นแรก ที่แม้แต่ชั้น 1 ก็ยังไปไม่ถึง หรือไม่ได้ต่างอะไรกับที่พวกเราพึ่งจบชั้นอนุบาล 1 มันยังไม่ใช่ความสำเร็จที่คิดว่า "ที่สุด" แล้ว ถ้าพวกเรายังไม่ร่วมมือร่วมใจกันเหมือนกับโครงการแรก เท่ากับว่า พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ได้รับโอกาสและไม่ทำให้เต็มที่ ซึ่งในที่สุด พวกเราอาจไม่ได้รับโอกาสอีก อย่าลืมว่า พวกเรากำลังตั้งเป้าทำงานแข่งขันกับคนปกติ ถึงโครงการนี้จะยากขึ้น แต่ผมขอให้ทุกคนได้ใช้ความพยายามเต็มที่ก่อน ทุกคนควรทำ ควรพยายามอย่างเต็มที่ก่อน อย่าลืมว่า นี่คือโลกของความเป็นจริง ที่ทุกคนต้องร่วมกันต่อสู้อย่างยาวนาน "การเวลาพิสูจน์คน"

.

ตัวผมเองได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกวันนี้ผมยังกลับกระหายที่จะทำอะไรอีกมากมาย ซึ่งในหลายๆ เรื่องก็เป็นงานที่กำลังจะเอามาให้สมาชิกฯ ได้ร่วมกันทำ เพื่อสร้างรายได้ ภายในตัวผม ยังไม่ทยุด ที่อยากทำงานอีกหลายๆ โครงการ ผมขอว่าอย่างน้อย ผมอยากให้ทุกคนร่วมกันสู้ เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อคนที่รัก ก็ยังดี แต่สมาชิกฯ ท่านไหนจะรู้สึกมากกว่านั้น ก็ขอให้นึกว่าท่านกำลังทำเพื่อเพื่อนผู้พิการอื่นๆ ในอนาคต

.

ผมหวังว่า หลังจากที่สมาชิกฯ ได้อ่านบทความยาวเหยียดนี้แล้ว คงจะพอเป็นแรงกระตุ้นได้บ้าง แต่สำหรับสมาชิกฯ ท่านใดที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็ต้องห่วงตัวเองเป็นอันดับ 1 นะครับ เพราะมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อคืนไม่ได้ครับ

.

อีกเรื่องที่จะฝากกับสมาชิกฯ ครับ สืบเนื่องจากทางบริษัทฯ มีทรัพยากรจำกัด เกี่ยวกับงาน Telesales ผมจึงอยากขอทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับสมาชิกฯ ในโครงการนี้ก่อนว่า โครงการนี้อาจไม่มีของรางวัลจูงใจอะไร เพราะจากโครงการที่แล้วทางบริษัทฯ ก็ประสบปัญหาขาดทุน จึงอยากให้สมาชิกมองที่เงินที่ได้ต่อรายจากการตอบรับจากลูกค้า และสำหรับโครงการนี้มีระยะเวลาถึง 30/9/2551 ผมจึงอยากแจ้งให้ทราบว่า ทางบริษัทฯ ขอกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่สมาชิกฯ ต้องทำให้ได้ถึง 100 หมายเลขตอบรับ ถึงจะได้ร่วมโครงการที่ 3 ที่จะต่อเนื่องไปอีกในเดือนถัดไป เพราะสมาชิกฯ ที่ทำไม่ถึงเกณฑ์ 100 หมายเลข พอจะแสดงได้ว่า ตัวสมาชิกฯ เอง อาจจะไม่เหมาะกับงาน Telesales ซึ่งทางบริษัทฯ ก็จะหางานอื่นๆ ที่เหมาะสมให้ต่อไป และทางเราจะได้คัดสรร รวมถึงให้โอกาสกับเพื่อนผู้พิการท่านอื่นในการทำ Telesales ต่อไป ครับ

.

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ.

Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-322-9307
Email :
preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-582-1759
Website :
http://www.pwdom.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น